ดาบตำรวจชลบุรีสุดโหด เจรจาตกลงเรื่องที่ดินไม่ลงตัว ควักปืนจ่อยิงเสี่ยร้านขายปุ๋ยชลบุรีดับ พร้อมทนายความ ก่อนจะติดต่อขอมอบตัว ด้าน ผบก.ภ.จ.ชลบุรี ลั่นจะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย...

เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. พ.ต.ท.ประทีป ทองดี สารวัตรเวร สภ.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุยิงกันตายภายในร้านอีสเทิร์น แอดเวอร์ไทด์ซิ่ง รับทำป้ายโฆษณา เลขที่ 79 ถนนสุขุมวิท หมู่ 8 ต.เสม็ด ขาเข้าเมืองชลบุรี จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น พร้อมด้วย พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ ผบก.ภ.จ.ชลบุรี พ.ต.อ.รณชัย จินดามุข ผกก.สส.ภ.จ.ชลบุรี พ.ต.อ.กิตติพัฒน์ พงษ์พนัส ผกก.สภ.เสม็ด พ.ต.ท.ไพโรจน์ เพ็ชรพลอย รองผกก.ป. พ.ต.ท.สนั่น คงรัตน์ สวป. พ.ต.ต.ปริญญา เดชธรรมฤทธิ์ สว.สส. เจ้าหน้าที่กู้ภัยไตรคุณธรรม และ นพ.วิสุทธิ์ ชะริโต แพทย์เวร รพ.ชลบุรี รุดไปตรวจสอบ 

ที่เกิดเหตุพบศพ นายพัลลภ ตฤณปฤษฎางค์ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 ซอยเซิดน้อย ซอย 1 ต.บ้านบึง อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี เป็นเจ้าของร้านเจริญผลขายปุ๋ย ตั้งอยู่ติดถนนเจตน์จำนง เขตเทศบาลเมืองชลบุรี นุ่งกางเกงขาสามส่วนสีเทา สวมเสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีส้ม ถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด 11 มม. เข้ากกหูซ้ายฝังใน 1 นัด นอนหงายอยู่เคียงข้างศพ นายสมหมาย โฉมงาม อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54 หมู่ 1 ต.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี ถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาดเดียวกันเข้าหลังหูซ้ายกระสุนฝังใน และโหนกแก้มซ้ายทะลุท้ายทอยขวา รวม 2 นัด เลือดนองใบหน้า และพื้นใต้โต๊ะวางของ เจ้าหน้าที่ตรวจรอบบริเวณที่เกิดเหตุไม่พบปลอกกระสุน โดยเก็บหัวกระสุนได้ 1 หัวเท่านั้น

จากการสอบถาม น.ส.สาคร พันธจักร อายุ 20 ปี ภรรยาคนงานร้านที่เกิดเหตุ ซึ่งอยู่ภายในร้านดังกล่าวเพียงคนเดียว ให้การว่า เจ้าของร้านชื่อ นายฐิติพงศ์ วงศ์พรหมปรีดา ได้ปิดร้านพาครอบครัวไปเที่ยวต่างจังหวัดตั้งแต่เมื่อวานนี้ ก่อนเกิดเหตุตนกำลังนอนดูแลลูกน้อยอยู่ในห้องพักด้านหลังร้าน ส่วนแฟนหนุ่มไปซื้อของที่พัทยา แล้วได้ยินเสียงเหมือนคนทะเลาะกัน ก่อนจะมีเสียงปืนดังขึ้น ตอนแรกกลัวมาก ไม่กล้าออกไปดู แต่หลังจากโทรศัพท์บอกแฟนหนุ่มแล้วก็เดินออกจากห้องไปชะโงกหน้าดูทางประตูหลังร้าน เห็นคนถูกยิงนอนตายเคียงคู่กันอยู่ แต่ไม่เห็นคนร้าย

หลังจากนั้น พล.ต.ต.คัชชา พ.ต.อ.รณชัย และ พ.ต.อ.กิตติพัฒน์ ได้ให้ตำรวจชุดสืบสวนงัดกุญแจห้องทำงานของเจ้าของร้าน เพื่อเปิดกล้องวงจรปิดดู เห็นภาพคนร้ายรูปร่างล่ำสัน เดินยัดปืนเหน็บเข้าเอวออกไปทางหน้าร้านอย่างใจเย็น แล้วขึ้นรถปิกอัพยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นสตราด้า 4 ประตู สีเทาเขียว ไม่ติดป้ายทะเบียน ที่จอดอยู่ริมถนนสุขุมวิท ห่างจากร้านที่เกิดเหตุประมาณ 20 เมตร ขับหลบหนีไป

ต่อมา นางสุวรรณ ตันติอภิชาตสกุล อายุ 62 ปี ภรรยาของนายพัลลภ ก็เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ พอเห็นศพสามีก็ปล่อยโฮทันที โดยมีหลานชายที่มาด้วยประคองตัวออกมาไม่ให้เข้าใกล้ศพ จากนั้นนางสุวรรณ ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า ที่ดินบริเวณที่เกิดเหตุ เป็นแนวชายธงติดถนน มีโฉนดถูกต้องตามกฎหมาย และได้ก่อกำแพงรั้วคอนกรีตกั้นเป็นแนวเขตที่ดินไว้ และให้นายฐิติพงศ์เช่าเปิดร้านทำป้ายโฆษณา ต่อมาถูกคู่กรณีทุบกำแพงรั้วบริเวณส่วนที่เป็นแนวชายธงออก โดยไม่มีการบอกกล่าว จนมีปัญหากันมานานถึง 2 ปีแล้ว ก่อนเกิดเหตุ วันนี้ นายพัลลภได้นัดช่างเพื่อจะให้ก่อสร้างกำแพงรั้วขึ้นใหม่ มาเจอที่ร้านเกิดเหตุ โดยนายพัลลภได้พา นายสมหมาย โฉมงาม ซึ่งเป็นทนายความนั่งรถเก๋งยี่ห้อเบนซ์ รุ่นอี 280 สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ขข–262 ชลบุรี ไปด้วย

ผบก.ภ.จ.ชลบุรี กล่าวว่า จากการประมวลเหตุการณ์ของเจ้าหน้าที่ สันนิษฐานว่า ก่อนเกิดเหตุคนร้ายมาพบกับนายพัลลภ และนายสมหมาย ซึ่งเป็นทนายความของนายพัลลภ ที่ร้านเกิดเหตุ แล้วมีการเจรจากันในเรื่องที่นายพัลลภจะก่อสร้างกำแพงรั้ว แต่เจรจากันไม่รู้เรื่อง เพราะหากนายพัลลภก่อกำแพงรั้วขึ้น ก็จะไปปิดทางเข้าออกที่ดิน จนเกิดการทะเลาะกันขึ้น ทำให้คนร้ายบันดาลโทสะชักปืนจ่อยิงนายพัลลภ 2 นัด และนายสมหมาย 1 นัด เสียชีวิตคาที่ 2 ศพ

พล.ต.ต.คัชชา กล่าวต่อว่า หลังจากเกิดเหตุได้สั่งการให้ ผกก.สภ.เสม็ด เจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ ร่วมกับ ผกก.สส.ภ.จ.ชลบุรี ระดมกำลังชุดสืบสวนออกหาข่าวและดูกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพคนร้ายเอาไว้ได้ จนทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชื่อ ด.ต.สำราญ แจ้งสุข อายุ 52 ปี ผบ.หมู่ สส.2 บก.สส.ภ.2 ซึ่งได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวกับทาง พ.ต.อ.สุขทัศน์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.สส.2 บก.สส.ภ.2 แล้ว

โดยเบื้องต้นทราบว่า สาเหตุเกิดจาก ด.ต.สำราญ เป็นลูกเขยเจ้าของที่ดินที่มีปัญหากับนายพัลลภ ก่อนก่อเหตุ ด.ต.สำราญ เดินทางมาพบและพูดคุยกับนายพัลลภ รวมทั้งนายสมหมาย ทนายความ แต่ตกลงกันไม่ได้ จนเกิดการทะเลาะกันขึ้น ทำให้ ด.ต.สำราญ บันดาลโทสะก่อเหตุสยองขึ้น ซึ่งต้องรอให้ ด.ต.สำราญ เข้ามอบตัวก่อน จะสอบถามว่าก่อเหตุเพราะเรื่องอะไร ซึ่งจะให้ความเป็นธรรมทางด้านคดีกับฝ่ายผู้เสียหาย แม้ผู้ก่อเหตุจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ตาม หากทำผิดก็จะดำเนินถูกคดีตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่า คนร้ายที่ก่อเหตุในคดีนี้ หลังจากใช้ปืนขนาด 11 มม. ยิงผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ศพแล้ว ได้เดินก้มลงเก็บปลอกกระสุนที่ตกอยู่บนพื้นติดมือเดินออกจากที่เกิดเหตุด้วย.