bloggang.com mainmenu search
ฟ้าผ่า!ช่อฟ้าวัดสุทัศน์ฯในวันที่ลางร้ายที่กลายเป็นเรื่องจริง

        "เหตุฟ้าผ่าช่อฟ้าวัดสุทัศน์ฯ นักโหราศาสตร์ถือว่าเป็นลางร้ายของแผ่นดินไทย โดยเฉพาะจะเกิดภัยกับพระพุทธศาสนา จะมีการสูญเสียพระราชาคณะชั้นผู้ใหญ่ หรือพระสงฆ์ที่มีผู้นับถือมากๆ ขณะเดียวกันก็จะเกิดความขัดแย้งของคนในชาติอย่างรุนแรง"       

        ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นส่วนหนึ่งของคำพยากรณ์ของ "โหรลักษณ์ เรขานิเทศ" เลขาธิการสถาบันพยากรณ์ศาสตร์ เจ้าของฉายา "โหรฟันธง" โดย "คม ชัด ลึก" ได้นำเสนอเป็นสกรู๊ปข่าวเรื่อง "ฟ้าผ่า! ช่อฟ้าวัดสุทัศน์ฯ ฤา? จะเป็นลางร้ายแห่งแผ่นดิน พ.ศ.๒๕๕๖" ซึ่งออกตีพิมพ์เมื่อ "ศุกร์ ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๖"

        โหรลักษณ์ บอกว่า "ปรากฏการณ์ฟ้าผ่า" ในมุมของนักวิทยาศาสตร์อาจจะมองว่าเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ สามารถอธิบายได้ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ ส่วนเรื่องความตายนั้นในมุมของพระก็มองว่าเป็นเรื่องธรรมดา ยิ่งพระที่มีอายุมากๆ รวมทั้งเจ็บป่วย อย่างไรท่านก็ต้องมรณภาพแน่นอน แต่ในมุมมองของโหราศาสตร์ กลับมีมุมมองที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะปรากฏการณ์ฟ้าผ่าลงในสถานที่สำคัญของประเทศชาติ มีคติความเชื่อว่า "เป็นลางร้ายของแผ่นดินไทย บุคคลในสถาบันศาสนา ซึ่งเป็นหลักของชาติจะมีอันเป็นไป"

        ปรากฏการณ์ฟ้าผ่าช่อฟ้าช่อที่ ๒ ทางทิศตะวันออกของพระอุโบสถ วัดสุทัศน์เทพวรารามราชวรมหาวิหาร กทม. เมื่อปลายเดือนมิถุนายน ประมาณวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๖ กับคำทำนายที่ว่า "เหตุฟ้าผ่าช่อฟ้าวัดสุทัศน์ฯ นักโหราศาสตร์ถือว่าเป็นลางร้ายของแผ่นดินไทย โดยเฉพาะจะเกิดภัยกับพระพุทธศาสนา จะมีการสูญเสียพระราชาคณะชั้นผู้ใหญ่ หรือพระสงฆ์ที่มีผู้นับถือมากๆ" วันนี้คำทำนายนั้นเป็นจริงคือ "ในระยะเวลา ๒ เดือนที่ผ่านมาเราสูญเสียสมเด็จพระราชาคณะถึง ๒ รูป"

        ทั้งนี้ หากย้อนหลังปรากฏการณ์ฟ้าผ่าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในอดีต  เคยเกิดเหตุในลักษณะดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ มาแล้ว ๒ ครั้ง คือ ครั้งที่ ๑ ใน พ.ศ. ๒๒๔๖ แผ่นดินสมเด็จพระเจ้าเสือ ยอดมณฑปของวิหารพระมงคลบพิตร ต้องอสุนีบาต (ฟ้าผ่า) ไฟไหม้เครื่องบนมณฑปหักพังลงมาต้องพระเศียรหัก เหตุการณ์นั้นเกิดก่อนที่จะเสียกรุงครั้งที่ ๒ ส่วนครั้งที่ ๒ เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๑ ในจดหมายเหตุความทรงจำของกรมหลวงนรินทรเทวี ที่ได้รับสั่งเมื่อเกิดเพลิงไหม้พระที่นั่งอมรินทรมหาปราสาทว่า

        "ณ วันอาทิตย์ เดือน ๗ ขึ้น ๑ ค่า ปี วอก เอกศก เพลาบ่าย ๓ โมง ๖ บาท อสุนีบาตพาดสายตกติดหน้าบันมุขเด็จเบื้องทิศอุดร ไหม้ตลอดลงบนปราสาท ปลายหักพัดฟาดลงพระปรัสซ้ายเป็นสองซีก ลงซุ้มพระทวารแต่เฉพาะไหม้ พระโองการตรัสว่า เราได้ยกพระไตรปิฎก เทวาให้โอกาสแก่เรา ต่อเสียเมือง จึงเสียปราสาท ด้วยชะตาเมืองคอดกิ่วใน ๗ ปี ๗ เดือน เสร็จสิ้นพระเคราะห์เมือง จะถาวรลาดับ กษัตริย์ได้ถึง ๑๕๐"

เมื่อฟ้าผ่าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์

        เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๐ ตรงกับขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๖ เวลาประมาณ ๑๘.๐๐ น. เกิดเหตุการณ์ช่อฟ้าวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร ต้องอสุนีบาต หรือฟ้าผ่า หักโค่นลงมา ในครั้งนี้มีการทำนายว่า ชื่อของวัดกัลยาณมิตร ถือเป็นชื่อแห่งความสามัคคีของหมู่มิตรที่ดี และฟ้ามาผ่าช่อฟ้า ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่สูงสุด ถือเป็นลางร้ายซ้อนลางร้าย จึงมีการทำนาย ๒ ประเด็น คือ ๑.จะมีความแตกแยกเกิดขึ้นในหมู่มิตร และ ๒.จะมีการสูญเสียของที่อยู่สูงสุด แต่ไม่แก้เคล็ด ทุกอย่างจึงเป็นไปตามคำทำนายของโหร

        โหรฟันธง บอกว่า แม้ว่าฟ้าผ่าเป็นเหตุการณ์ธรรมชาติ แต่ในปูมประวัติศาสตร์ของชาติที่มีมายาวนานแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีการการกล่าวถึงปากฏการณ์ต่างๆ ว่าเป็นมงคลนิมิต หรือ อวมงคลนิมิต เช่น ปรากฏการณ์ฟ้าผ่าพระอุโบสถ และพระมหาเจดีย์ในพระอารามที่สำคัญ  วัดพระแก้ว วัดที่เกี่ยวกับราชวงศ์ วัดคู่บ้านคู่เมืองทั่วประเทศ รวมทั้งการผิดปกติของการออกดอกออกผลของต้นไม้

        ในอดีตเมื่อเกิดเหตุคณะสงฆ์ต้องประชุมกัน ส่วนของราชการงานแผ่นในอดีต พวกอมาตย์ราชมนตรีและโหร ต้องถวายรายงานว่า มงคลนิมิต หรือ อวมงคลนิมิต ถ้าเป็นอวมงคลนิมิต ต้องประกาศบอกประชาชนว่าต้องทำอย่าง โดยไม่ปล่อยให้ผ่านคิดเสียว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติ เช่น เจริญพระพุทธมนต์ ๗ วัน (สวดมนต์พระปริต) รวมทั้งทำบุญตักบาตรใหญ่ ในอดีตมีการสวดมนต์นพพระเคราะห์เป็นพิธีการใหญ่โต แต่ปัจจุบันไม่มีใครทำ จึงเป็นไปตามสำนวนไทยที่ว่า  "ไม่เชื่อโบราณ จึงบานบุรี ถ้าเชื่อโบราณ ก็ไม่บานบุ

        "ถ้าฟ้าผ่าวัดอื่นอาจจะเป็นเรื่องธรรมดา แต่ฟ้าผ่าพระอารามหลวง วัดที่มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ โบราณถือว่าเป็นอุบาทว์อย่างรุนแรง เทวดามาเตือนให้คนเร่งมาทำบุญ เราปิดฟ้า กั้นดินไม่ได้ โดยเฉพาะฟ้าผ่าโบสถ์วัดสุทัศน์ฯ เป็นการเตือนภัยที่ตรงที่สุดว่าจะเกิดเหตุร้ายเหตุไม่ดีต่อบ้านเมือง ถือเป็นเรื่องใหญ่โต ที่ผ่านมาผมทำพิธีตามคติความเชื่อโบราณ ซึ่งมีหลักฐานบันทึกเป็นเรื่องราว แต่ยังมิวายถูกมองว่า มอมเมา เหลวไหล ไร้สาระ ผิดหลักพระพุทธศาสนา ด้วยความศรัทธและเชื่อมั่นในแนวทางเรียนรู้จากพระธรรมภาวนาวิกรม หรือเจ้าคุณธงชัย" โหรฟันธง กล่าว

        ดวงเมืองไทยพ่ายคดีเขาพระวิหาร

        วันที่ ๑๑ พฤศจิกายนนี้ ศาลโลกจะตัดสินคดีพิพาทเขาพระวิหาร ระหว่างไทย-กัมพูชา มีการประเมินความเป็นไปได้ของคำตัดสินของศาลโลก โดยนักกฎหมาย รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา และที่สำคัญไม่น้อยกว่ากัน คือ "คำทำนายดวงเมืองขอโหรหลากหลายสำนัก" ซึ่งมีคำทำนายที่น่าสนใจคือ "ดวงเมืองของประเทศไทย พ.ศ.๒๕๕๖ คล้ายกับดวงเมืองของประเทศไทยเมื่อ พ.ศ.๒๕๐๕ ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่ศาลโลกได้ตัดสินคดีนี้โดยให้ตัวปราสาทพระวิหารตกเป็นของกัมพูชา เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๐๕"

        พระสุทธิธรรม สุทธิญาโณ หรือพระอาจารย์ต้อม ศิษย์พระมหาประดิษฐ์ ถิระธัมโม อดีตโหราจารย์ใหญ่ประจำวัดสุทัศน์ฯ กทม.ให้ข้อมูลว่า ดวงเมือง เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๐๕ ในปีนี้มีพระเสาร์อยู่ในราศรีมังกร ทำมุมร้ายกับภพพันธุของดวงเมือง มีพระอังคาร พระจันทร์ พระศุกร์ พระราหู พระววุณ (เนปจูน) ร่วมกระแสสัมพันธ์กับพระเสาร์ ทางด้านโหราศาตร์ทำนายว่า "จะต้องเสียและพลัดพรากจากของอันเป็นที่รัก" ทั้งนี้ หากวิเคราะห์ดวงดาวแต่ละดวงเหตุการณ์ในครั้งนั้นถือว่าไม่ธรรมดา ทุกอย่างมีการเตรียมการไว้ล่วงหน้าอย่างแนบเนียน

        ดวงเมืองในวันที่๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ เวลานักษัตริย์ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ลักษณะของตำแหน่งดวงดาวคล้ายกับเมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๐๕ แต่ร้ายยิ่งกว่าคือ พระเสาร์อยู่ในราศรีตุล ทำมุม ๑๘๐ องศากับดวงอาทิตย์ พร้อมกันนั้นยังมีพระอาทิตย์ พระพุธ พระราหู และพระเกตุ สถิตอยู่ในราศรีตุลร่วมกับพระเสาร์ ทางด้านโหราศาสตร์ทำนายว่า "ประเทศไทยแพ้คดีความ" ทั้งนี้ หากพิจารณาลงในรายละเอียด พระเสาร์ พระราหู พระพุธ สถิตร่วมราศรีเดียวกัน ทำนายว่า "นอกจากรู้ล่วงหน้าว่าแพ้ ยังมีการแอบทำข้อตกลงบางอย่างไว้ล่วงหน้าแล้ว"

        ในขณะที่โหรฟันธง บอกว่า ขณะนี้ดาวเสาร์ราหูเล็งชะตาเมือง ดวงเมือง ลักษณะเช่นนี้ถ้าเป็นในอดีตก็ถูกตกเป็นเมืองขึ้น รวมทั้งถูกยึดเมืองบริวาร ในปัจจุบันถ้ามีเหตุอันใดที่จะเกิดขึ้นไม่เป็นที่พึงพอใจของประชาชน ก็ให้นึกถึงการตัดสินพระทัยของ ร.๕ ครั้งนั้นเราเสียเดินแดนฝั่งขวาของแม่น้ำโขง แต่พื้นดินส่วนใหญ่ของประเทศไทยอยู่ วันนี้เวลานี้ชะตาเมืองอยู่ในคราวเคราะห์หามยามร้าย มีเกณฑ์ที่ไทยจะแพ้คดีและเสียแผ่นดิน คำพยากรณ์ทางโหราศาสตร์ในบริบทนี้ไม่ใช่เป็นการสาปแช่งประเทศ แต่เป็นการพยากรณ์เพื่อให้ทุกคนได้เตรียมใจรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น

        "เหตุฟ้าผ่าช่อฟ้าวัดสุทัศน์ฯ นักโหราศาสตร์ถือเป็นลางร้ายของแผ่นดินไทย โดยเฉพาะจะเกิดภัยกับพระพุทธศาสนา จะมีการสูญเสียพระราชาคณะชั้นผู้ใหญ่ หรือพระสงฆ์ที่มีผู้นับถือมากๆ ขณะเดียวกันก็จะเกิดความขัดแย้งของคนในชาติอย่างรุนแรง"

Create Date :04 พฤศจิกายน 2556 Last Update :4 พฤศจิกายน 2556 4:08:53 น. Counter : 2163 Pageviews. Comments :0