bloggang.com mainmenu search
๘๐ พรรษา สมเด็จพระบรมราชินีนาถ นักพัฒนาผู้ยิ่งไหญ่ เพื่อปวงประชาเป็นสุขศานต์

"...พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า ป่าที่ถวายความจงรักภักดีต่อน้ำ พระเจ้าอยู่หัวสร้างอ่างเก็บน้ำ ฉันก็จะสร้างป่า"…ในขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเน้นเรื่องชลประทาน การเกษตร และการพัฒนาชนบท โดยโปรดเกล้าฯจัดหาแหล่งน้ำให้ราษฎรได้มีน้ำไว้ใช้ในการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ เพราะทรงตระหนักดีว่า “น้ำคือต้นกำเนิดของชีวิต” สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ก็ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่เกื้อหนุนกัน โดยทรงเน้นเรื่องป่าและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติไว้ให้ลูกหลานไทย นอกเหนือจากการพระราชทานอาชีพเสริมแก่ราษฎรให้สามารถเลี้ยงตัวเองอย่างยั่งยืน และทรงดูแลสุขภาพอนามัยของประชาชน

“...ก็ได้พระบารมีของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวทรงดูแลสั่งสอนมาตลอดว่า สิ่งใดควรทำไม่ควรทำบ้าง ทรงสอนให้ข้าพเจ้ารู้จักว่า การที่จะเป็นพระราชินีของ ไทย จะต้องวางตนอย่าง ไรบ้าง และมีหน้าที่อย่างไรบ้าง ข้อสำคัญรับสั่งว่า ต้องเป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจของราษฎร ให้เขามีความสนิทสนมที่ราษฎรจะออกปากเล่าความทุกข์ ของเขาให้ฟังได้ และพระองค์ท่านก็ได้ปฏิบัติ พระองค์เป็นตัวอย่าง ทำ ให้ข้าพเจ้ารู้จักการทำตนใกล้ชิดกับราษฎร เช่น เวลามีพระราชปฏิสันถารกับราษฎร ไม่โปรดทรงยืน ทรงถือขนบธรรมเนียม ไทยที่จะไม่ยืนค้ำผู้เฒ่าผู้แก่ จะประทับลงรับสั่งกับ ราษฎรเสมอมา แม้จะ เป็นตอนเที่ยงแดดร้อนเปรี้ยงก็ตาม...”

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเล่าถึงเมื่อครั้งทรงเริ่มโดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวไปทรงงานในภูมิภาคต่างๆ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ 11 ส.ค.2534สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้โดยเสด็จพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปทรงเยี่ยมเยือนพสกนิกรครั้งแรก เมื่อปี 2498 นับจากนั้นมาก็ได้ทรงงานเคียงข้างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาโดยตลอด โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทถิ่นทุรกันดาร ทรงตรากตรำพระวรกายบุกป่าฝ่าดง ขึ้นเขาลงห้วย เพื่อทรงบำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ราษฎร ตลอดเวลาหลายทศวรรษที่ผ่านมา ทรงอุทิศพระองค์อย่างมิรู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อทรงค้นหาหนทางช่วยเหลือให้พสกนิกรของพระองค์มีชีวิตที่ดีขึ้น และได้พออยู่พอกิน โดยพระราชทานแนวพระราชดำริในการดำเนินโครงการต่างๆไว้หลากหลายด้านถึง 4,000 กว่าโครงการ เพื่อสร้างประโยชน์สุขแก่ประชาชน และสร้างความมั่นคงให้ประเทศชาติ

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้โดยเสด็จพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวไปทุกหนแห่ง ด้วยพระวิริยะอุตสาหะ จนอาจกล่าวได้ว่า ไม่มีที่แห่งใดบนผืนแผ่นดินไทยที่ทั้งสองพระองค์ไม่เคยเสด็จฯไปถึง ทรงเพียรพยายามทุกวิถีทางที่จะตระหนัก รู้ถึงความเดือดร้อนและความต้องการของราษฎร เพื่อพระราชทานความช่วยเหลือได้อย่างสอดคล้องกับสภาพปัญหาแท้จริง ทรงเริ่มตั้งแต่การแก้ไข ปัญหาเฉพาะหน้าที่เป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต ตลอดจนวางรากฐานการพัฒนาที่มั่นคงและยั่งยืน

ปรัชญาการทรงงานของสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงทำตามและยึดแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นหลัก โดยตั้งอยู่บนพื้นฐาน สำคัญ 5 ประการ คือ ทรงให้ความสำคัญกับการ แก้ปัญหาในระดับพื้นฐานของประเทศ อันได้แก่ ชนบท และเกษตรกร ซึ่งเป็นแหล่งผลิตอาหารของประเทศ, ทรงเน้นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่มีคนเป็นศูนย์ กลาง, ทรงให้ความสำคัญกับโอกาสของ ราษฎร ที่จะได้รับการพัฒนาและมีส่วนร่วมในการพัฒนา โดยทรงมั่นพระทัยว่า ราษฎรนั้นมีความรู้ความสามารถอยู่แล้ว เพียงแต่ให้โอกาสพวกเขาได้แสดงออก, ทรงเน้นการพัฒนาด้านจิตใจของคนในชาติ เพื่อปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรม นำไป สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน และทรงให้ความสำคัญกับการทรงงานพัฒนาเพื่อส่งเสริมงานพัฒนาหลักของรัฐบาล

เป้าหมายสำคัญในการทรงงานของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถคือ ความอยู่ดีมีสุขของประชาชน และความสงบร่ม เย็นของประเทศชาติ ซึ่งพระองค์ทรงเรียกว่า “กำไรของแผ่นดิน” คำนี้ได้พระราชทานไว้เมื่อผู้ถวายงานในโครงการฟาร์มตัวอย่างกราบบังคมทูลว่า ได้จ้างชาวเขามาทำงานในฟาร์มตัวอย่างที่บ้านขุนแตะ จังหวัดเชียง-ใหม่ เพียง 40 คน ถ้าจ้างคนงานมากๆ อาจจะต้องขาดทุน เพราะผลผลิตยังน้อยอยู่ พระองค์มีรับสั่งว่า “อย่ามาพูดเรื่องกำไรขาดทุนกับฉันนะ ฉันต้องการให้คนจนมีงานทำมากๆ ขาดทุนของฉันคือกำไรของแผ่นดิน”...คำว่า “กำไรของแผ่นดิน” คือ การที่ทำให้คนยากจนในชุมชนนั้นๆมีงานทำมีรายได้ไปเลี้ยงครอบครัวไม่ต้องไปเป็นโจรขโมย หรือยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติ รวมทั้งไม่ตัดไม้ทำลายป่า ชุมชนนั้นจะมีความสุขความสงบ หากทุกชุมชนเป็นเช่นนี้ ก็จะแผ่วงกว้างเป็นความสุขความสงบของตำบล อำเภอ จังหวัด และประเทศชาติเป็นที่ทราบกันดีว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไว้ให้ลูกหลานไทย โดยมีแนวพระราชดำริว่า คน ป่า และสัตว์ป่า สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างอาศัย เกื้อกูลกัน โดยต่างให้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน คนสามารถใช้ประโยชน์จากผืนป่ามาสร้างอาชีพและรายได้อย่างพอเพียง ในลักษณะของ “บ้านเล็กในป่าใหญ่” คนที่เคยตัดไม้ทำลายป่าก็กลับใจมาช่วยปกป้องและพิทักษ์รักษาป่า รวมทั้งขยายพันธุ์สัตว์ป่าให้คงอยู่คู่ประเทศไทยต่อไป ช่วยให้เกิดความภาคภูมิใจอันยิ่งใหญ่แก่ตนเองและชุมชน ในฐานะ “ราษฎรอาสาสมัครพิทักษ์ป่า” ตลอดจนเกิดความรักความสามัคคีในชุมชน ทรงใช้หลักการ “ปลูกป่าในใจคน” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ การปลูกจิตสำนึกในการรักผืนป่าให้แก่คนเสียก่อน รวมถึงการปลูกไม้ใช้สอย ไม้ผล และไม้ยืนต้น ที่จะเติบโตเป็นป่า นอกจากนี้ ทรงอุทิศพระองค์ในการแก้ไขปัญหาดินที่เสื่อมสภาพและแห้งแล้งให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งทรงจัดหาแหล่งน้ำให้ราษฎรในท้องถิ่นทุรกันดาร โดยจัดตั้งโครงการต่างๆมากมาย อาทิ โครงการป่ารักน้ำ, โครงการคืนช้างสู่ธรรมชาติ, โครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงตามพระราชดำริ, โครงการพัฒนาเพื่อความมั่นคงในพื้นที่ต่างๆ และโครงการหมู่บ้านยามชายแดนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

“...ชาวไทยทุกคนจะต้องเข้าใจว่า การอนุรักษ์นี้มิใช่จะไปขัดขวางการพัฒนา แท้ที่จริงแล้วการพัฒนาระยะยาวกลับจะสำเร็จได้ ก็ด้วยการอนุรักษ์ที่ถูกต้อง เราทั้งหลายคงไม่ลืมตัวอย่างที่พลโลกบางประเทศ ต้องอดอยากล้มตายไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นผลมาจากการไม่สงวนรักษาทรัพยากรธรรมชาตินั่นเอง...”
“โครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง” ถือเป็นแบบอย่างอันดีที่ตอกย้ำถึงพระวิสัยทัศน์อันยาวไกลของสมเด็จพระบรมราชินีนาถนักพัฒนา โดยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานไว้เพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ยากจนให้มีที่อยู่อาศัยและรู้จักใช้ที่ดินที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ ให้สร้าง “ฟาร์มตัวอย่าง” ขึ้นในจังหวัดต่างๆ เพื่อช่วยสร้างชีวิตใหม่ให้ผู้ตกงาน ชาวบ้านที่ยากจน หรือผู้ที่เลิกยาเสพติด ได้มีงานทำ นอก จากนี้ ยังได้พระราชทาน “โครงการธนาคารอาหารชุมชน” เพื่อเป็นแหล่งอาหารของชุมชน ช่วยให้ราษฎรมีรายได้เสริมที่มั่นคง มีน้ำใจ รู้จักการให้ รักใคร่สามัคคี ช่วยเหลือแบ่งปันซึ่งกันและกัน ส่งผลให้อยู่ดีมีสุขอย่างพอเพียง ถือเป็นการน้อมนำ “หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่ประชาชน เพื่อนำมาใช้เป็นหลักในการดำรงชีวิตสู่ความสุขที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง

นับเป็นความโชคดีมหาศาลของปวงชนชาวไทยที่ได้เกิดมาอยู่ใต้ร่มพระบารมีของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระผู้เป็นดั่ง “แม่ของแผ่นดิน” ซึ่งทรงทุ่มเทอุทิศพระองค์อย่างมิรู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อปวงประชาเป็นสุข และในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 12 สิงหาคม 2555 ขอน้อมเกล้าฯถวายพระพรให้ทรงพระเกษมสำราญ ทรงพระเจริญด้วยพระพรมงคลทั้งปวง สถิตเป็นมิ่งขวัญแห่งปวงประชา ตลอดกาลนาน.

Create Date :21 สิงหาคม 2555 Last Update :21 สิงหาคม 2555 8:55:50 น. Counter : 1917 Pageviews. Comments :0