bloggang.com mainmenu search
ถนนสายนี้มีตะพาบโครงการที่ 55 "อรุณสวัสดิ์"

ให้แต่งเรื่องในหัวข้อ”อรุณสวัสดิ์” โดยมีสิ่งต่อไปนี้อยู่ด้วย

อย่างน้อยสองอย่าง คือ พระภิกษุ ดอกไม้ หญิงสาว เด็ก

โจทย์โดยน้องแพม นามปากกา mastana

ขอตั้งตอนนี้ว่า“ที่มาของอรุณสวัสดิ์”




ที่มาของอรุณสวัสดิ์








ในค่ำคืนของคืนหนึ่งอันร้อนอบอ้าว

หญิงสาวที่เป็นคุณแม่ของน้องจ๋า

เด็กน้อยวัยกำลังน่ารัก สนทนากันอย่างสนิมสนม

“คุณแม่ขา ช่วยอ่านนิทานก่อนนอนให้น้องจ๋าฟังหน่อยซิคะ

น้องจ๋าร้อนจนนอนไม่หลับเลยค่ะ”

“ได้ซิจ๊ะลูกรักของแม่ เอาเรื่องนี้ดีไหมลูก

“ที่มาของอรุณสวัสดิ์”


"กาลครั้งหนึ่งยังไม่นานเท่าไหร่ ในหน้าร้อนปีหนึ่งที่อากาศร้อนจัด

จนทนกันแทบไม่ไหว ผืนดินแทบลุกเป็นไฟ แผ่นดินไหวเป็นระยะๆ

แต่พระอาทิตย์แอบไปร้องไห้ในก้อนเมฆหนาทึบเพื่อไม่ให้ใครเห็น

เพราะมีแต่คนไม่รักท่านบ่นว่าท่าน

โลกฉับพลันมืดมิดลงในบัดดล

ผู้คนฉงนเหตุไฉนเป็นไปได้

บางคนบอกว่าดีแล้วร้อนเหลือหลาย

ไปเสียได้ก็ดี ต่อไปนี้ไม่ต้องร้อนเสียแทบตาย

อยู่อย่างเย็นสบายกันบ้างก็คงดี"









"พอผ่านไปหลายวันคนเริ่มบ่น

ตากผ้าไว้ไม่แห้งเลยหนอ

ต้นไม้ใบหญ้าดอกไม้ใบเขียวๆก็เหี่ยวเฉา

หงอยเหงาเพราะว่าขาดอาหาร

อากาศก็หนาวเย็นจนเกือบจะแข็งตาย

นกกาก็ไม่บินออกมาหากิน

ของกินของใช้ก็เริ่มขาดแคลน"



"เมื่อไม่มีกลางวันและกลางคืน

เมื่อไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน

ผู้คนจับเจ่าอยู่กันไปอย่างสิ้นหวัง

หรือพระอาทิตย์จะแกล้งเราแล้วหนอ

ที่พวกเราคอยแต่บ่นว่าท่านตลอดเวลา

เหมือนลูกอกตัญญูต่อพ่อแม่ที่เลี้ยงเรามา

เห็นทีพวกเราคงต้องตายกันหมดแน่ๆ"







"ทนไม่ไหวแล้วเราต้องทำอะไรกันสักอย่าง”

ทุกคนคิดเหมือนๆกันโดยไม่ได้นัดหมาย

ต่างก็ตะโกนเรียกชื่อพระอาทิตย์กันยกใหญ่

“อรุณสวัสดี อรุณสวัสดี อรุณสวัสดี

ขอพระอาทิตย์จงมีความสุข ความเจริญ

ขออรุณผู้ยิ่งใหญ่จงกลับมาเถิด

พวกเราผิดไปแล้วที่มักจะบ่นเสมอว่าท่านทำให้อากาศร้อน

พวกเรารักท่าน พวกเราจะไม่บ่นว่าท่านอีกแล้ว

เรามีชีวิตอยู่ไม่ได้ถ้าปราศจากท่าน”

หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง

พระอาทิตย์ก็อมยิ้มหายโกรธ หายน้อยอกน้อยใจ

ออกมาจากหมู่เมฆหนา กลับมาส่องแสงให้เราทุกวันเหมือนเดิม”








“พระอาทิตย์ท่านก็ขี้น้อยใจเหมือนกันนะคะคุณแม่”

น้องจ๋าพูดทำหน้าตาสงสัย


“ท่านก็คงน้อยใจบ้างนะลูก ทำดีไม่มีใครเห็น แต่พอมีเรื่องไม่พอใจ

ก็มาบ่นว่าท่านแบบนี้ แม่เล่าต่อนะจ๊ะ” คุณแม่อมยิ้มตอบคำถาม



จากวันนั้นเป็นต้นมาเมื่อผู้คนได้พบปะกันในตอนเช้า

ต่างกล่าวคำทักทายกันว่า"


“อรุณสวัสดีอยู่หรือ ๆ?” เพื่อไถ่ถามกันว่า อรุณท่านยังอยู่สวัสดีหรือเปล่า

หรือ อรุณท่านยังสบายดีอยู่หรือเปล่า แล้วก็ยิ้มให้กันและกัน

อีกฝ่่ายก็จะตอบว่า

"อรุณสวัสดีจ้า" เพื่อบอกว่าพระอาทิตย์ยังอยู่ ไม่ได้ไปไหน

อรุณสวัสดี พูดกันไปกันมานานๆไปก็เลยเหลือแค่ อรุณสวัสดิ์

นี่คือที่มาของคำๆนี้ และ พวกเราพูดติดปากกันเรื่อยมา ^^







นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า"

แม้แต่พระอาทิตย์ที่ยิ่งใหญ่และทำหน้าที่ได้อย่างเที่ยงตรงที่สุด

ก็ยังถูกคนต่อว่าจนร้องไห้ นับประสาอะไรกับคนธรรมดาสามัญอย่างเรา

ย่อมต้องถูกต่อว่าหรือถูกนินทาว่าร้ายเป็นธรรมดา



เกิดเป็นคนควรมีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณต่อเราทุกๆคน ตั้งแต่พ่อแม่

ญาติพี่น้อง ครูบาอาจารย์ เพื่อนสนิทมิตรสหาย ชาวนาที่ปลูกข้าว ชาวไร่

ชาวสวน พ่อค้าแม่ค้าที่ขายของให้เรา คนกวาดถนน คนเก็บขยะ

คนทีทำของกินของใช้ให้เรา ฯลฯ ถ้าขาดเขาคนเหล่านี้ไป

เราก็มีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้


ควรสำนึกในบุญคุณของธรรมชาติและสิ่งรอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็น

ดินฟ้าอากาศ พระอาทิตย์ พระจันทร์ แผ่นดินถิ่นเกิด บ้านที่อาศัย

น้ำดื่ม ข้าวปลาอาหารที่กิน

ทุกสิ่งล้วนทำให้เราเป็นเราอยู่ได้อยู่ทุกวันนี้

เพราะชีวิตของเราเปราะบาง ไม่สามารถอยู่ได้โดยลำพัง


เราต้องพึ่งพาอาศัยสิ่งอื่นหรือผู้อื่นในการดำรงชีวิตอยู่ตลอดเวลา

เราควรรู้จักสำนึกหรือคิดตอบแทนบุญคุณในใจเสมอ

จิตใจเราก็จะมีแต่ความรักและความหวังดีต่อทุกๆสิ่ง

เป็นใจที่อิ่มเต็มและมีความสุข



และความกตัญญูนี้จึงเป็นรุ่งอรุณของความดีอย่างแท้จริง

ชีวิตที่รู้จักความกตัญญูก็จะพบแต่ความสุขความเจริญอย่างแน่นอน”


เรื่องและภาาพประกอบ วนารักษ์

ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่าน ทักทายและติชมให้กำลังใจ

ขอบคุณเพื่อนประจำบล็อกที่่น่ารักทุกท่าน

ทีทำให้บล็อกนี้ยังมีชีวิตอยู่และไม่เงียบเหงา

ขอบคุณคุณลักษณ์สำหรับเทคนิคการถ่ายและตกแต่งภาพ

ขอบคุณน้องแน๋วสำหรับบล็อกสวยๆแบบนี้

ขอบคุณน้องแพมเจ้าของกระทู้ ขอบคุณน้องเป็ดที่ช่วยจัดงาน

ตะพาบทุกครั้งอย่างต่อเนื่องและไม่ท้อถอย

และทำให้เราได้พบเพื่อนใหม่ๆ

และขอบคุณพระอาทิตย์ที่ยังส่องแสงอยู่ทุกวัน

โดยเฉพาะช่วงที่ผ่านมา แหะๆ ^^





Create Date :05 พฤษภาคม 2555 Last Update :7 พฤษภาคม 2555 18:38:29 น. Counter : Pageviews. Comments :76