bloggang.com mainmenu search


เรื่องเล่า จาก ครูเจี๊ยบ


สมัยนั้นครูยังมีประมาณ ๖๐-๗๐ คนได้กระมัง ยังไฟแรงหนุ่มสาวประเภทพึ่งบรรจุกันใหม่ๆไม่กี่ปี อายุทีมงานกำลังห้าว ๒๕-๓๐ ปี ประเภทรวมเก่งสิงห์เหนือเสือ ใต้จริงๆ เช่น อ.วิทยา นุชชม หนุ่มห้าว มศว. อ.ทรงวุฒิ จงมีความสุข หนุ่มสุดเก่ง จาก มช. อ.ลักษณา จงมีความสุข คู่คิดเคียงข้าง อ.จรวยพร ริ้วตระกูลไพบูลย์ จาก มศว. อ.สุจินต์ ศิรินทร์วงศ์(อ.เจี๊ยบ) จากรั้ว มก. อ.ชูศักดิ์ ไทยพาณิชย์ จาก เพาะช่าง โดยมี อ.สุทิน ถาวรกูล อ.ธงชัย น่วมภา อ.มงคล วังลึก อ.สกล ประดิษฐ์ เป็นพี่ใหญ่ รวมถึง ผอ.มานิตย์ ป้อมสุข

ยุคนั้น กิจกรรมของโรงเรียนในยุคนั้นทำแล้วสนุกทั้งนักเรียน สนุกทั้งคุณครูที่มาใหม่ไฟแรง เอื้ออาทรต่อกันช่วยเหลือกันเป็นอย่างมาก ไม่ว่างานของโรงเรียน เช่น การเรียนการสอน ก็มาช่วยสอนข้ามสายวิชากันได้ เช่น ครูเกษตรมาช่วยสอนชีววิทยาในเรื่องพืช หรือ ใครมีความสามารถอะไรก็มาช่วยอย่างจริงใจ ทำให้โรงเรียนมีความก้าวหน้าในหลายเรื่องเป็นอย่างมาก แม้แต่การแข่งขันการบินไทยไขจักรวาลของ มรว.ถนัดศรี สวัสดิวัฒน์ เราก็ล้มโรงเรียนดังๆ เช่น สวนกุหลาบ สามเสนวิทยาลัย ได้แชมป์มาได้ เป็นที่ตื่นเต้นกันมากในยุคนั้น
เรื่องอื่นๆในด้านกิจกรรมของโรงเรียนเราจะเด่นหลายเรื่อง เรื่องกีฬา ก็มีตัวดีๆระดับเยาวชนทีมชาติก็มีเพราะได้รับการส่งเสริมที่ดี และมีการติดตามประเมินผลความสามารถ

มาที่ต้นกำเนิดการแปรอักษรซึ่งเป็นความโชคดีหลายๆฝ่ายๆได้ระดมความคิดจากการเชียร์กีฬาสีในโรงเรียนแล้วทุกสีมาหลอมเป็นกีฬา/กรีฑาจังหวัด (รูปแปรอักษร ข้างบนอาจสับสน เป็นเพียงกีฬา/กรีฑา ภายในจังหวัดเท่านั้น ) มีโรงเรียนของเราโรงเรียนเดียวที่มีการแปรอักษรร่วมกับการแข่งขันกรีฑาด้วย ซึ่งทางจังหวัดของร้องให้ร่วมด้วยเพราะจะทำให้งานสนุกมากยิ่งขึ้น

เอาละซิ จังหวัดให้งบประมาณมาก็เดือดร้อนตั้งแต่ ผอ. ครู นักเรียน นักการฯ งบประมาณที่ได้ส่วนใหญ่หมดไปกับเหล็กอัฒจรรย์ที่นั่ง ที่เหลือส่วนใหญ่ในการเชียร์ต่างๆได้จากครูและเด็กหาสปอนเซอร์ โชคดีของเราอยู่อย่าง สปอนเซอร์หาได้ง่ายเพราะผู้ปกครองนักเรียนที่มีฐานะมีลูกเรียนอยู่ ทำให้ผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้ ทีนี้การเตรียมเชียร์ก็ได้รับความร่วมมือจากนักเรียนยุคนั้นในชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายทั้งหมดเป็นตัวนำที่ดี มากกว่าคุณครูเสียอีก

พูดง่ายๆในยุคนั้น การเรียนสนุก ลุกนั่งสบาย ได้นักเรียนในยุคนั้นบ้ากิจกรรมมากกว่าการเรียนซะอีก และได้ครูทั้งหลายที่กำลังห้าวในวิชาชีพที่ยุคนั้นยังแข่งขันกีฬาสีที่ครูต้องแบ่งเป็นพวกคณะสีใครคณะสีมัน ต้องลงไปทำเอง แอบล้วงความลับกัน แข่งกันในโรงเรียน เป็นที่สนุกสนานที่จะให้นักเรียนทำตามๆที่ครูชี้นำ พอมาเป็นกีฬาจังหวัดรวมกันทำก็เอาแบบอย่างการแปรอักษรของ โรงเรียนสวนกุหลาบ และโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนที่เป็นต้นฉบับ งานนี้ต้องยกความดีให้ อ.ทรงวุฒิ เป็นผู้ล้วงความลับ มาจากผลของการเรียนที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งมีศิษย์เก่าของโรงเรียนดังนี้อยู่

หลังจากได้ล้วงความลับมาแล้ว พร้อมกับมีทรัพยากรที่มีพร้อมสรรพ์ ทั้งแรงสนับสนุน ทั้งนักเรียน ทั้งครูที่กำลังห้าว ก็เป็นบ่อเกิดการแปรอักษรระดับชาติขึ้นมาไม่อายใครนี่แหละ ซึ่งยุคปัจจุบันทำได้ยากยิ่งแม้แต่ระดับมหาวิทยาลัยยังทำไม่ได้ในภาวะงบประมาณที่จำกัด เพราะต้องเตรียมอุปกรณ์ต่างๆอย่างน้อย ๑ ภาคเรียน พร้อมกับการซ้อมที่เข้มแข็งแบบทหารเท่านั้นจึงจะทำได้ แต่เราก็ทำได้
แผ่นโค้ทแปรอักษรจะมี ๒ แบบ

แบบแรกเป็นโค้ทเสียบกระดาษสีบนเฟรมไม้อัดรัดยางวง เรียกว่า การแปรอักษรแบบโค้ท ๑๖ ช่องเฟรม โดยนักเรียนแต่ละคนต้องเสียบกระดาษสีแข็งให้ครบ ๑๖ แผ่นตามรหัสสีที่ได้รับคำสั่งจากครูผู้ออกคำสั่งแปรอักษรที่นั่งอยู่ข้างล่าง แผ่นรหัสคำสั่งจะติดเข็มกลัดเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างหน้า และนักเรียนจะมีถุงกระดาษแผ่นสีของใครของมัน อย่างน้อย ๑๒ สี x ๑๖ ช่องเฟรม/ ๑ คนดูเพิ่มเติม

อีกแบบเป็น โค้ทที่ทำไว้สำเร็จรูปเลย ต้องเป็นงานละเอียดมาก เรียกว่าโค้ท ๑๒x๑๒ = ๑๔๔ ช่องสี ซึ่งต้องระดมครูฝ่ายศิลปะและนักเรียนวาดลงต้นฉบับตารางและระบายสีต้นฉบับก่อน แล้วมาแยกแต่ตารางที่นั่งของคนแปรอักษรมาตัดแปะกระดาษสีในแผ่นกระดาษแปรอักษรเลย จะใช้กับรูปสำคัญๆ เช่น ในหลวงราชินีใช้พร้อมกับเพลงสรรเสริญฯ พิธีเปิด-ปิด / รูปราชวงศ์จักรี/รูปประเพณีวัฒนธรรมต่างๆ อย่างที่เห็นในรูปจะเป็นภาพถาวร นักเรียนที่แปรอักษรแต่ละคนจะมีภาพติดตัวอยู่กับที่นั่งตามรหัสไว้แล้ว

สรุป วัตถุดิบพร้อม งานพร้อม คนพร้อม ก็ทำให้เกิดงานที่ปรากฏ นั่นแหละ สมัยหน้าหนาวธันวาคมจะเป็นงานที่ทุกคนเฝ้ารอคอยด้วยความตื่นเต้น หน้าหนาวก็หนาวกันจริงๆ แต่กลางวันแปรอักษรก็ท่ามกลางแดดเปรี้ยง มีซันบล๊อคแบบสมัยนี้รู้เปล่าไม่รู้ รู้แต่ว่าเมื่อ...เชียร์กันเสร็จทั้งครูและนักเรียนหน้าลอกกันเป็นแถว
งานแปรอักษรที่ยิ่งใหญ่ถือว่าเป็นงานสุดท้ายในความทรงจำ คืองานแปรอักษร กีฬาเยาวชนแห่งชาติครั้งที่ ๑๓ ที่จังหวัดเราเป็นเจ้าภาพ จัดขึ้นที่สนามกีฬาริมปิง (โรงเรียน อบจ.ปัจจุบัน) สมัย ผอ.ธำรงค์ แพรนิมิตร เป็นผู้บริหาร ยังได้ผลผลิตของโค้ทเดิมมาประยุกต์ใช้ ถือว่าเป็นงานสุดท้ายของความยิ่งใหญ่จริงๆ และปัจจุบันมีเงิน ล้านก็ทำไม่ได้ ทั้งๆ ที่เริ่มจากเงินไม่กี่หมื่นเอง ปัจจุบันวัสดุต่างๆ ได้รับความอนุเคราะห์จากคุณปลวก วิธีการเก็บ ความชื้น ฯลฯ ได้ชำรุดสูญหายไปตามเวลาหมดแล้ว


สรุป บทความที่ ๑ โรงเรียนกำแพงเพชรพิทยาคม อยู่ด้วยเนื้อหาและปรัชญาที่ยังต้องดำรงคงอยู่เป็นสถาบันต่อยอดแห่งความหวังในสรรพสิ่งของผู้คนในสังคมนี้ต่อไปอีกยั่งยืนและยาวนานชั่วลูกชั่วหลานของเรา ผู้คนที่เข้ามาเกี่ยวข้องทุกฝ่ายเข้าผ่านมาและก็ต้องจากไปตามกาละเวลา หลายตอน หลายชีวิตมากมาย จนปัจจุบัน ถ้าเป็นคนก็ต้องถือว่ามีอายุยืน ต้องเตรียมแต่งชุดแดงฉลองชัย และอยากให้ผู้ที่ดำรงชีวิตที่เกี่ยวพันกับมัน ช่วยถนอม รักษา เข้ามาพัฒนาให้มันเป็นแหล่งภาคภูมิใจในศักดิ์ศรีและเกียรติยศ ความเป็นลูกแดงขาวนานเท่านาน
Create Date :03 ตุลาคม 2554 Last Update :3 ตุลาคม 2554 1:21:37 น. Counter : Pageviews. Comments :1