bloggang.com mainmenu search

บล็อกที่ 42

"สีทอง..จะไปเลยหรือลูก.."

"ขาแม่ แกงกำลังร้อนๆ ประเดี๋ยวพี่เครียวจะได้ทานเลยยังไงคะ"

"แน่ใจนะว่าถือไปได้ไม่ไปทำหกตามทางเสียก่อน บอกให้เอาน้องซ้อนท้ายถือไปให้ก็ไม่เอา.."

"หนูถือเองได้ค่ะแม่ ไปก่อนนะคะ ถ้าอยู่ติดค่ำๆ จะให้พี่เครียวมาส่ง.." สีทองบอกกับแม่ขณะหิ้วปิ่นโตเดินไปที่จักรยานสองล้อ หล่อนโยนตัวขึ้นนั่งบนอาน สองเท้าปั่น มุ่งหน้าไปยังบ้านของเครียว ทุ่งคา ชายคนรัก





เวลาเดียวกับที่สีทองใช้สองเท้าปั่นจักรยานมา เครียว ทุ่งคา คนหนุ่มแห่งบ้านทุ่งคา กำลังโกยมัดฟางแห้งซ้อนกันเป็นชั้นๆอยู่ข้างบ้าน แล้วนำมาวางเรียงกันเป็นกองยาวๆอีกครั้ง ไอ้เครียวมันขยันอย่างนี้แหละ หมดหน้านาแล้ว แทนที่จะอยู่เที่ยวไปวันๆประสาคนหนุ่ม กลับไม่ทำ สู้ใช้เวลาว่างนั้นมาเพาะเห็ดฟางให้แม่ทองคำนำไปขายที่ตลาดดีกว่า ใครๆก็รู้ว่าเห็ดฟางของเครียว ดอกโตตูมสวย นำไปผัดหรือแกงอร่อยยิ่งนัก!



แดดยามบ่ายที่สาดส่องลอดใบไผ่มา ทำให้เห็นร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแข็งแรงของไอ้หนุ่มวัยเบญจเพสมองดูเป็นมันเลื่อมเมื่อสะท้อนกับแสงแดด เครียวก้มๆเงยๆอยู่กับกองฟาง พลางผิวปากเพลงลุกทุ่งเสียงดังลั่น เพลิดเพลินอยู่กับงาน แต่แล้วเมื่อเสียงกริ่งจักรยานดังขึ้นตรงริมรั้วกระถินหน้าบ้าน ทำให้หนุ่มเครียวละสายตาขึ้นมอง

"สีทอง!" เครียวร้องทัก สีทองยิ้มเห็นฟันขาวมาแต่ไกล เขาผละจากกองฟางวิ่งเข้าไปหาเจ้าของจักรยานที่หิ้วปิ่นโตเถาใหญ่ใกล้เข้ามา

"พี่เครียว สวัสดีค่ะ.." สีทองทักเขาบ้าง "พี่เครียวทำอะไรอยู่คะตะกี้.."

"พี่กำลังเอาฟางข้าวเรียงกันเป็นชั้น เตรียมเพาะเห็ดอีกรุ่นจ้ะสีทอง ไงหมู่นี้หายไป ไม่มาช่วยพี่เก็บเห็ดเลย ตอนนี้เห็ดของพี่ขายดี ผลิตแทบไม่ทันขาย เมื่อไหร่สีทองจะเอาไปแกงอีกล่ะ คราวนี้พี่จะให้ดอกใหญ่เป็นพิเศษเลย ดอกนี้รับรองเก็บรักษาอย่างดีไว้ให้สีทองกินคนเดียว.." เครียวหยุดเมื่อพาสีทองเดินมาถึงแคร่ไม้ไผ่ใต้ต้นตะแบก "นั่งพักให้หายเหนื่อยก่อนนะสีทองคนดี.." และท้ายประโยค เครียวหันไปเรียกแม่ที่วุ่นวายอยู่กับการทำครัวภายในบ้าน "แม่ครับ สีทองลูกสะใภ้ของแม่มาแล้ว ขอน้ำเย็นลอยดอกมะลิซักขันซิครับแม่.."

"บ้าพี่เครียวนี่ ยังไม่ทันเป็นอะไรกันซักหน่อย มาทึกทักว่าเป็น..." สีทองค้อนชายหนุ่มที่นั่งใช้ผ้าขาวม้าเช็ดเหงื่อตามเนื้อตัวอยู่

"ไม่ได้เป็นตอนนี้ แต่อีกไม่นานก็ได้เป็นแล้วนี่จ้ะสีทองจ๋า.." เครียวแย้ง

"ไม่ต้องมาทำปากหวานกับสีทองหรอก โน่นแม่อุ้มขันมาแล้ว ไปรับหน่อยซิไป๊.."

"สวัสดีค่ะป้า.." สีทองพนมมือไหว้ป้าทองคำ แม่ของเครียว

"เออสวัสดีลูกสีทอง วันนี้เอาแกงอะไรมาให้พ่อเครียวอีกล่ะ.."

"แกงปลาช่อน กับน้ำพริกอ่องค่ะ"

"นั่นของชอบของพ่อเครียวเขาละ คุยกันตามสบายเลยนะลูก ป้าขอตัวก่อน.." นางทองคำหลีกทางให้หนุ่มสาวคู่รักคุยกันตามลำพัง

เครียวยื่นมือไปคว้าปิ่นโตตรงหน้ามาเปิดดู "อื้อฮือ !หอมฉุยเลย" เครียวร้องเมื่อเห็นปลาช่อนชิ้นใหญ่ในน้ำแกงขลุกขลิก "พี่ชักหิวข้าวเสียแล้วซิ สีทองไปเอาปลาช่อนมาจากไหนจ้ะ..?" เครียวถามยิ้มๆ

"ตกเบ็ดจ้ะพี่เครียว" สีทองตอบ ชม้ายชายตามองหนุ่มเครียวด้วยความรักท่วมท้นอยู่เต็มหัวอก ครั้นเห็นสายตาของอีกฝ่ายกำลังจ้องเป๋งมาที่ตน สีทองเป็นเบือนหน้าหลบอย่างเอียงอายประสาหญิง คนอะไรก็ไม่รู้ มองเราแต่ละทียังกะจะกลืนกินแน่ะ!!

"ตกเบ็ด!" เครียวอุทาน ตีหน้าทะเล้น "นี่สีทองหัดตกเบ็ดแล้วหรือนี่ แล้วปลายักดีไหมจ้ะ..?"

"อุ๊ย !อะไรก็ไม่รู้.." สีทองพอจะเข้าใจว่าเครียวหมายถึงอะไร "สีทองตกเบ็ดเป็นมาตั้งนานแล้วนะพี่เครียว และก็ไม่ได้ตกคนเดียวด้วย สีทองไปตกกับน้องเมฆ แล้วพี่เครียวรู้มั้ย ไอ้ช่อนตัวนี้กว่าสีทองจะตกได้กินเวลาเป็นชั่วโมงเชียวนะ"



"โอ้โฮ! ตั้งชั่วโมงเชียว แล้วนี่สองที เอ๊ย..สีทองไม่เมื่อยนิ้วแย่หรือจ้ะ..?"

"บ้าพี่เครียวนี่..อย่ามาทะลึ่งกับสีทองนะ.."

สีทองเอื้อมมือตีแขนเขาดังเพี๊ยะ จึงถูกข้อมือแข็งแรงของเครียวยึดเอาไว้แน่น "ฮึ !รู้งี้คราวหลังสีทองเอาสลอดใส่เสียให้เข็ด คนอะไรชอบพูดจาสองแง่สามง่าม แล้วไม่ต้องมาผวนชื่อของสีทอง ฟังแล้วมันยังไงชอบกล สีทองไม่อยากพูดกับพี่เครียวแล้วล่ะ คนบ้า.." สีทองกระฟัดกระเฟียด แต่ก็น่ารักเสมอสำหรับไอ้เครียว

"แล้วเมื่อไหร่สีทองจะไปตกอีก คราวนี้ขอพี่เครียวไปด้วยคนนะ จะได้ตกเบ็ดกับสีทองคนนี้ทั้งวันทั้งคืนเลย.." เครียวยกข้อมือสีทองขึ้นจูบก่อนปล่อยวาง

"อย่ามัวพูดมากอยู่เลย ไหนบอกว่าหิวข้าว รีบไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวจะได้กินข้าว"

"จริงซิ ไปเถอะไปอาบน้ำกัน สีทองอาบน้ำกับพี่นะ เดี๋ยวเอาผ้าถุงของแม่ไปผลัด.."

"ไม่เอาละสีทองอาบมาแล้ว.." ส่ายหน้าปฏิเสธ

"ไม่เอาได้ไง ดูซิถีบจักรยานมาเหงื่อโทรมทั้งตัวเชียว ถ้าไม่อาบเดี๋ยวพี่ไม่ให้ร่วมวงทานข้าวด้วยหรอก นะ..เราอาบกันสองคน!!" เครียวพูดเองเออเอง ขอผ้าถุงจากแม่ แล้วหนุ่มสาวทั้งสองก็พากันเดินไปที่ลำคลอง ทีอยู่ปลายนาโน่น!








ดวงตะวันสีทองลอยเรี่ยต่ำลงทุกขณะ น้ำในคลองเริ่มเย็นขึ้น ฝูงปลาซิวปลาสร้อยว่ายมาตอดเมื่อเครียวแหย่เท้าลงไปในน้ำ สีทองอยู่ไม่ไกลจากเครียวนัก พอมองเห็นกัน แต่ไม่ถนัดนักเพราะมีต้นกุ่มน้ำบังอยู่ ระหว่างที่ผลัดผ้าสีทองร้องบอกเครียวว่า.." พี่เครียวอย่าหันมานะ และก็ห้ามว่ายมาตรงที่สีทองอาบด้วย เราอยู่กันคนละคุ้งน้ำก็แล้วกัน ถ้าพี่เครียวเข้ามาหรือว่าแอบดูสีทอง ขอให้พี่เครียวตาเป็นกุ้งยิง.."

"โธ่ สีทองเอ๊ย พี่ไม่ดูหรอก ไหนๆต่อไปก็ได้ดูอยู่วันยังค่ำแล้วจริงมั๊ย แล้วระวังนะ พี่เครียวคนนี้จะทั้งดูทั้งดูดเชียวละ.."

"บ้า.." ได้ยินสีทองว่ามาเบาๆ แล้วก็เงียบไป เสียงวักน้ำซู่ๆดังขึ้นแทน ส่วนเครียวถูสบู่ไปพลางร้องเพลงไปพลางดังลั่นคุ้งน้ำ

กำลังขัดสีฉวีวรรณ ทำความสะอาดเจ้าเห็ดฟางดอกตูมดอกใหญ่ของเขาเพลินๆ แต่แล้วเครียวต้องตกใจ เมื่อได้ยินเสียงหวีดร้องดังมาจากสีทอง

"ว้าย!พี่เครียว ช่วยด้วย.."

เครี่ยวพุ่งตัวไปยังจุดที่สีทองอาบน้ำทันที "พี่เครียว." สีทองโผเข้ากอดคอเขา "ช่วยสีทองด้วยค่ะ ปละ..ปละ..ปลิง มันเกาะ ทะ..ที่..." สีทองกลายเป็นคนติดอ่างไปโดยอัตโนมัติ

"ปลิงเกาะที่ไหนหือสีทอง..?" เครียวถามรัวเร็ว สีทองหน้าซีด รีบบอกตำแหน่งที่ปลิงเกาะให้เครียวรับรู้!!

ตายละ! เกาะตรงไหนไม่เกาะ ดันเกาะตรงใกล้ตำแหน่งสำคัญเสียด้วยซิ

เครียวรีบพาสีทองเข้ามาที่บริเวณน้ำตื้น สีทองหลับตาปี๋เมื่อเครียวค่อยๆเลิกผ้าถุงขึ้น

หัวใจเครียวเต้นไม่ค่อยเป็นจังหวะเมื่อฝ่ามือค่อยๆบรรจงเปิดผ้าถุงลึกเข้าไป ลึกเข้าไป

เรียวขาขาวงดงามราวหยวกกล้วยชั้นใน ไม่มีที่ติของสีทอง ทำให้เครียวกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น..ใกล้เข้าไป..ใกล้เข้าไป อ้อ..นี่ไงเจอแล้ว ตัวการ เป็นปลิงควายตัวขนาดเกือบเท่านิ้วชี้ นับว่าใหญ่เอาการทีเดียว

เครี่ยวค่อยๆปลดมันออกอย่างยากลำบาก แล้วชายหนุ่มก็จับมันขว้างขึ้นไปบนบก "ออกแล้วละสีทอง..."

สีทองค่อยๆลืมตาขึ้น ส่วนเครียวลืมตัวชั่วขณะ ปลดปลิงออกแล้ว มือเขายังป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้น ลูบคลำท่อนขาขาวแผ่วเบา เขาทำตาลอยอย่างกับคนเพิ่งผ่านการเสพกัญชาไปหมาดๆ

"..สีทอง" เครียวร้องเรียกหญิงคนรักเสียงแผ่ว "พี่รัก รักเอ็งเหลือเกิน..เป็นของพี่เถอะสีทอง...พี่..พี่ทนไม่ไหวแล้ว.." จบคำพูดริมฝีปากของเครียวประกบลงบนริมฝีปากสวยได้รูปของสีทองทันที สีทองนัยน์ตาลอยเคลิบเคลิ้มตกอยู่ในภวังค์รักลุ่มลึก หล่อนเผลอเผยอริมฝีปากรับลิ้นของเครียวที่สอดแทรกเข้าไปหาความหอมหวานในช่องปาก



ทั้งคู่จูบกันอย่างดูดดื่มท่ามกลางความมืดที่โรยตัวลงมาจนมืดมิดไปทั่วคุ้งน้ำ มือทั้งสองข้างของเครียวอยู่ไม่เป็นที่ เขาลูบไล้ไปทั่วเนื้อตัวของสีทอง..สองคนพากันเคลื่อนร่างมาริมตลิ่งที่มีน้ำปริ่มเอว

เครียวถอนปากออกจากปากสีทอง พึมพำเสียงฟังไม่ได้ศัพท์ แล้วเขาก็เลื่อนปากไปที่ปทุมเต่งทั้งคู่ซึ่งบัดนี้ปราศจากอาภรณ์ปิดแล้ว เพราะผ้าถุงที่สีทองกระโจมอกไว้ได้หลุดลุ่ยไปกองปริ่มบนน้ำแทบไม่รู้ตัว เครียวเองก็เช่นกัน ผ้าขาวม้าที่มัดปมไว้ไม่แข็งนัก หลุดออกจากตัวตอนไหนไม่รู้ ตอนนี้ถ้าสีทองก้มลงมองต่ำ หล่อนคงตกใจแทบช็อกถ้าได้เห็นเห็ดฟางดอกโตของเครียวกำลังเปลี่ยนสภาพจากดอกตูมเป็นดอกบานอย่างเต็มที่!!

"พี่เครียว..จะทำอะไร..สีทอง" สีทองละล่ำละลักถาม หล่อนเริ่มรู้ตัวแล้วว่าอะไรบางอย่างของเครียว เริ่มโจมตีที่หน้าขาของหล่อนเข้าแล้ว!!

"พี่จะทำให้สีทองมีความสุขไง.." เครียวงึมงำออกจากลำคอ "สีทองไม่ต้องกลัวนะ..ตอนนี้โลกเป็นของเราสองคนแล้ว..."

สีทองพูดอะไรไม่ออก ในอ้อมกอดของชายคนรัก หล่อนกำลังเกิดอารมณ์รัญจวนจนถึงขีดสุด..ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่จะล้ำลึกเท่าครั้งนี้ ครั้งที่หล่อนเปลือยกายอยู่กับเครียวเพียงสองต่อสอง ครั้งที่ผ่านมาเครียวแค่กอดจูบหล่อนธรรมดา ซึ่งสถานที่ส่วนใหญ่เป็นกองฟางใกล้บ้านมากกว่า หากคราวนี้หล่อนกับเขามาไกลถึงชายคลอง แถมบรรยากาศมันช่างเป็นใจอะไรอย่างนี้

สีทองเกิดความสะท้านวูบเมื่อเครียวปาดฝ่ามือไปยังส่วนที่หล่อนหวงแหน..ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครได้สัมผัสของหล่อนเลย นอกจากมือของตัวเองเท่านั้น มาบัดนี้นิ้วทั้งห้าของเครียวกำลังเฟ้นฟอนชอนไชไปตามหลืบร่อง นิ้วหนึ่งของเขาได้แทรกแหวกหญ้าหายเข้าไปสู่ความลึกล้ำดำมืดเบื้องล่าง มันผ่านส่วนปลายของจุดที่ไวต่อความรู้สึกเบาๆก่อน แล้วค่อยแรงขึ้น ๆ ยิ่งทำให้หล่อนเกิดความซาบซ่านดาลใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

"..พี่เครียว..จะทำอะไรก็ทำเถิด สีทองทะ..ทน..ไม่ไหวแล้ว..พี่เครียว" สีทองครางครวญ ขณะที่เครียวควงนิ้วขึ้นลงเป็นจังหวะถี่กระชั้น หล่อนบิดตัวตามอย่างรุนแรงเหมือนจะหนีบนิ้วของเครียวให้ขาดเป็นท่อนๆ

ไม่มีคำพูดใดๆหลุดจากปากของเครียว นอกจาก.... ..... ....

"โอ๊ะ! พี่เครียว สีทอง..เจ็บ" สีทองเริ่มร้องเมื่อสัมผัสว่า สิ่งที่กำลังล่วงล้ำเข้าไปในความสาวของหล่อนไม่ใช่ปลายนิ้วของเครี่ยวเสียแล้ว แต่เป็นสิ่งที่ใหญ่กว่ารูปเหมือนดอกเห็ดที่ผู้ชายทุกคนรักมาก เขาหยิบยื่นมันเข้าไปในร่างของหล่อน เครียวดันร่างสีทองให้เอนกายพิงริมตลิ่ง น้ำหนักของคนทั้งสองทำให้ทรายริมตลิ่งกร่อนลงไปแถบหนึ่ง แต่ทั้งสองยังไม่ถอนตัวออกจากกัน..

..เบื้องล่าง สายน้ำกระฉอกไม่เป็นจังหวะ เขาปิดปากสีทองไว้ด้วยปากของเขา ไม่ให้ส่งเสียงร้องออกมา หัวใจของสีทองเต้นแรงปานปะทุออกมานอกอก..หล่อนเกิดความดื่มด่ำล้ำลึกสุดจะทานทน และวินาทีต่อมาหล่อนกอดรัดร่างเครียวไว้แนบแน่นราวกับกลัวว่าเขาจะผละจากอกหล่อน เครียวเองก็เช่นกัน..ลูกสูบของเขาที่ทำงานอย่างต่อเนื่อง เริ่มเดินช้าลง-ช้าลง และแล้วเขาก็ฟุบหน้าเกลือกลิ้งลงบนร่างของสีทอง..เสียงถอนหายใจอย่างหนักหน่วงดังขึ้นพร้อมกัน

"พี่ พี่มีความสุขมากที่สุด สีทองละ..." เครียวถาม เมื่อถอนตัวออกจากกัน

"ก็มี..มีบ้างเหมือนกัน" สีทองยิ้มอายๆตอบเสียงแผ่วแทบไม่ได้ยิน "พี่เครียวได้สีทองแล้ว อย่าทิ้งสีทองนะคะ..รับปากซิพี่เครียว.."

"พี่จะทิ้งสีทองได้ไง ในเมื่อคืนนี้พี่ได้มอบเห็ดฟางดอกพิเศษที่พี่รักมากที่สุดให้กับสีทองแล้ว..ตายละ นี่มันกี่ทุ่มกี่ยามกัน รีบอาบน้ำล้างตัวกลับกันเถอะสีทอง ป่านนี้พ่อกับแม่คงรอกินข้าวกันแย่แล้ว..ดูซิเผลอเพลินจนค่ำมืด กินข้าวอิ่มแล้วคืนนี้สีทองอย่ากลับบ้านเลยนะ นอนบ้านพี่ดีกว่า เดี๋ยวดึกๆเราจะได้ปลูกเห็ดฟางกันอีก นะสีทอง.."

"อื้อ !ไม่เอาละ วันนี้สีทองเหนื่อยพอแล้ว เห็ดพี่เครียวดอกใหญ่จะตาย เอาไว้ปลูกวันหลังเถอะ.."

"งั้นก็กลับกันเลยนะ.." เครียวตัดบท พาสีทองกลับมาบ้าน





ลุงทองมี พ่อของเครียว พอเห็นหน้าหนุ่มสาวเดินควงกันมาในความมืด ก็เอ่ยแซว...

"ไอ้เครียว เอ็งนี่ชักจะไปกันใหญ่นะ เที่ยวพาอีหนูสีทองไปได้ไงค่ำๆมืดๆ เดี๋ยวแม่เขาก็แล่นมาฉีกอกพ่อหรอก รักกันก็รีบๆแต่งงานกันเร็วซิ พ่อนะอยากอุ้มหลานเต็มแก่แล้ว.."

"ผมแต่งแล้วพ่อ.." เครียวชิงตอบ "ผมเพิ่งแต่งกับสีทองที่ริมคลองเมื่อกี้นี้เอง นะสีทองนะ บอกพ่อกะแม่ซิว่าเราแต่งกันแล้ว และคืนนี้จะแต่งกันอีกสองที เอาให้สมชื่อสีทองเลย"

"ว้าย !พี่เครียวบ้า พูดอะไรก็ไม่รู้ พ่อแม่อย่าไปเชื่อนะคะ พี่เครียวโกหก.." สีทองเอียงอาย

"เอาละ เอาละ อย่ามัวเถียงกันอยู่เลย กินข้าวกันดีกว่า" แม่ทองคำตัดบท "แล้วกะเดี๋ยวอิ่มข้าวอิ่มปลา เอ็งจะไปแต่งไปแทงกันที่ไหนก็ตามใจเอ็งเถอะ ขออย่างเดียวอย่ามาแต่งใต้ถุนบ้านก็แล้วกัน..แม่ขี้เกียจตาเป็นกุ้งยิง.."

จบคำพูดของนางทองคำ หนุ่มเครียวและสาวสีทอง ต่างหัวเราะประสานเสียงกันในความมืด เสียงหัวเราะของคนทั้งคู่ ฟังดูช่างเต็มไปด้วยความสุขหฤหรรษ์เสียนี่กระไร.

(คำเตือนของเรื่องสั้นเรื่องนี้ อายุต่ำกว่า 30 ควรปรึกษาคนรอบข้างก่อนอ่านจบ โอ..ตายแว้ว เผลออ่านจบไปแล้วทำไงดีละทีนี้ เก๊าะกระซิบบอกคนรอบข้างอ่านด้วยซิ จะได้คุยกันได้ 555)

ต้นฉบับ 15 มีนาคม 2531

ตีพิมพ์ครั้งแรก นิตยสารทีเด็ด ฉบับที่ 251 (20 เมษายน 2531)

ขอบคุณ..ภาพประกอบสวยๆจากอินเตอร์เน็ต และบีจีสดใสจาก..ญามี่

เรื่องสั้นทุกเรื่อง มีลิขสิทธิ์ตามกฏหมาย

ขอบคุณเพลงประกอบ กลิ่นฟางสาบสาว ของ ปอง ปรีดา


Create Date :02 มิถุนายน 2553 Last Update :7 กันยายน 2555 15:05:20 น. Counter : Pageviews. Comments :62