bloggang.com mainmenu search
วันที่ ๖ visit Embekke dewalaya (Temple) และ Lankatilaka Raja Maha Vihara





 photo cats 1_zpsu3wcguch.jpg






วันนี้เราต้องออกเดินทางต่อ ย้ายที่พักอีกคืน โปรแกรมสำหรับวันนี้มีไม่มากนัก เพราะต้องเดินทางไกล เขาจัดให้คณะเราไปดูวัดสองวัดที่ไม่ธรรมดา แอบเปิดดูโปรแกรมทัวร์ของบริษัททัวร์ในไทยเขาไม่ได้พาไปเพราะคงจะไกล หรืออะไรก็แล้วแต่ เลยถือว่าโชคดีที่ได้ไปชมก็แล้วกัน ใครที่คิดจะเดินทางไปชมมาอ่านข้อมูลกันก่อนๆ ที่จะตัดสินใจไป คนเราต่างจิตต่างใจบางคนอาจจะชอบ บางคนอาจจะเฉยๆ บางคนซื้อของฝาก อันนี้เลือกได้ตามใจทุกๆ ท่านค่ะ






หลังอาหารเช้า แปลกนะ แม่บุญบ่นเรื่องอาหารการกินทุกวัน แค้นใจตัวเองที่ไม่คิดจะถ่ายภาพมาให้ดูกันว่ามันเป็นแบบนี้ทุกวันทุกโรงแรมจริงๆ คงเพราะเบื่อหน่ายจนไม่อยากถ่ายภาพนั่นเอง แค่เดินผ่านก็ รู้แล้วว่าวันนี้จะได้กินอะไร เป็นซะขนาดนั้นเลยจริงๆ แปลกอีกนั่นแหละ ที่น้ำหนักน่าจะลดลงมั่ง แต่ทำไมมันเหมือนเดิมเผลอๆ แอบเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก ยิ่งคิดยิ่งโมโหตัวเอง...ว่าไหม ? เกลียดตัวกินไข่นี่นา..





คณะเราออกเดินทางกันหลังอาหาร ตอนขาลงวันนี้แม่บุญตัดสินใจเดินลงเองไม่นั่งรถตุ๊กๆ ให้เสียวไส้ อยากจะรู้ว่ามันชันขนาดไหน ? จะว่าไป ๔๕ องศา เวลาเดินลงต้องตั้งตัวตรงๆ แล้วเกร็งขาไว้ไม่ให้พาวิ่ง เดี๋ยวจะกลิ้งเหมือนตุ่มน้ำให้เพื่อนๆ หัวเราะ อีกทั้งไม่ได้ใช้ไม้เท้าเพราะเกะกะ จนลงมาถึงข้างล่างค่อยหายใจทั่วท้อง โชคดีที่ไม่หกขเมนตีลังกาลงมา จากนั้นคนขับก็ลำเลียงกระเป๋าจัดให้อยู่ตามที่ๆ เคยอยู่ แกคงเคยชินตั้งแต่วันที่สองแล้วแหละ กระเป๋ามากมายต้องจัดให้ลงตัวกับที่ๆ มีด้านหลัง





จากนั้นก็เดินทางลงเขาแบบเสียวสะท้านกันอีก เพราะเมื่อต้องรอให้รถคันอื่นผ่าน คนขับแกก็ขับสบายๆ แบบไร้ความกังวลกับช่องวางประมาณคืบหนึ่งระหว่างรถสองคัน ทุกคนต่างชื่นชมในฝีมือการขับแบบไร้อารมณ์ในสีหน้ายิ่งนัก หรือแกจะทำสมาธิในการขับไปด้วยก็ได้






 photo cats 31_zpstf8qsve7.jpg






ระหว่างที่วิ่งไปได้ไม่นาน แม่บุญซึ่งนั่งอยู่หลังคนขับก็ร้องบอกให้แกจอดรถ เพราะภาพของผู้หญิงชาวเขาที่แบกฟืน แบกของกันนั้นเป็นภาพที่สวยงามสำหรับพวกเราที่จะได้ถ่ายภาพกัน วงเล็บว่า คนที่โดนถ่ายอาจจะไม่สนุกกับพวกเราก็ได้เพราะต้องแบกของหนัก เพื่อนๆ พากันลงไปถ่ายภาพกันอย่างรวดเร็ว พอถ่ายเสร็จก็พากันให้เงินเป็นค่าตอบแทน ...






 photo cats 16_zpsislzbrmk.jpg






 photo cats 3_zps9eb8f8ii.jpg







จะบอกว่า ...วิธีนี้จริงๆ แล้วไม่น่าจะทำ เพราะมันสร้างความเคยชินให้พวกเขา อย่างเช่นที่อินเดีย เมื่อครั้งที่เราไปเที่ยวดูชนเผ่าในแคว้นที่ยากจนที่สุดของรัฐโอริสสา เมื่อไม่นานมานี้เราได้ต้อนรับไกด์หนุ่มชาวภารตะพร้อมกับภรรยาที่พากันมาเยี่ยมเราสองคนถึงบ้าน ภรรยาของเขาเล่าว่า ตอนนี้ชนเผ่าพวกนั้นเริ่มขอเงินเป็นค่าตอบแทนกับภาพของพวกเขาแล้ว จริงๆ มันเป็นสิทธิ์ของพวกเขาที่ควรจะได้ หากคิดกันอย่างยุติธรรม เสมือนกับการทำงานอย่างหนึ่งเช่นกัน นางแบบอินเตอร์ยังได้เงินค่าถ่ายภาพเลย..จริงไหม ? อ้าว...แล้วแม่บุญจะมาพูดทำไม ว่าอย่าให้...นั่นสินะ ลืมคิดไป





 photo cats 17_zpsqloqoq7a.jpg






 photo cats 15_zps2c3catkj.jpg






หลังจากนั้นก็พากันขึ้นรถเพื่อเดินทางกันต่อไป ชามูร์อธิบายคร่าวๆ ว่า จะพาไปดูวัดที่สร้างด้วยไม้และมีการแกะสลักอย่างงดงาม จนเป็นที่เล่าลือและมีนักท่องเที่ยวมาชมกันเป็นจำนวนมากในแต่ละปี ได้ยินว่าไม้แกะสลัก พวกเราก็ฮือฮาอยากไปชมกันแล้ว เมื่อรถขับผ่านไป ชามูร์บอกว่าจะมาชมวัดไม้แกะสลักภายหลัง ตอนนี้จะพาไปดูอีกวัดที่อยู่ลึกเข้าไปในป่าก่อน






เมื่อเดินทางไปถึง ตะวันตรงหัวพอดี แดดร้อนๆ ฉาบไปทั่วร่างกายของพวกเรา ที่สำคัญต้องถอดรองเท้าเดินเข้าไปชมภายใน ตอนที่เดินบนดินไม่มีปัญหาแต่พอเดินบนพื้นซิเมนต์ร้อนๆ นะสิ คราวนี้กระโดดกันโหย่งเหยงราวกับเต้นระบำ เล่นเอาคนแถวๆ นั้นหัวเราะกันอย่างขำฝรั่งกับไทยเลยทีเดียว แล้วเราก็มาถึงบริเวณวัดที่มีชื่อว่า







Lankatilaka Raja Maha Viharaya – ලංකාතිලක රජමහා විහාරය




 photo cats 30_zpsr9ktng8w.jpg






มีผู้ชายที่เป็นเจ้าหน้าที่ดูแลจะมาอธิบายเพื่อจะได้เงินค่าเล่าเรื่อง แต่ชามูร์มาปิดทางหากินซะก่อน โดยบอกว่าเป็นไกด์และอธิบายแล้ว ชายแกคนนั้นเลยเดินหลีกไปอย่างเงียบๆ ผิดกับตอนที่ไปถีบจักรยานชมเมืองเก่า ที่ไกด์เจ้าที่มาเล่นงานชามูร์จนแทบร้องไห้ หรือตอนนี้ชักจะรู้แนวทาง ? มาดูประวัติของวัดนี้กันค่ะ



 photo cats 20_zps5q2krfm4.jpg







The majestic Lankatilaka Raja Maha Viharaya, believed to be one of the most magnificent architectural edifice in the Gampola kingdom, was built at the crest of a large rock named “Panhalgala” overlooking the Hantane mountain range in the Hiripitiya hamlet in Udunuwara.





 photo cats 22_zpsinkxwzr0.jpg






The history of the temple dates back to the 14th century, and a pre-colonial Lanka where several strong kingdoms ruled the land. At a time when the capital of the Sinhalese kingdom was Kurunegala, that era drew to a close when the the Sinhalese kings decided on setting up the new kingdom at Gampola, a safe stronghold on the bank of the Mahaweli river.





King Buwanekabahu IV who reigned from 1341 to 1351 A. D. chose Gampola as his kingdom and constructed this Viharaya with the help of a South Indian architect Sthapati Rayar. Following Buwanekabahu IV, five consecutive kings chose Gampola as their kingdom. Though the kings of Gampola were not powerful warriors, they had a high calibre for art and culture and have made significant contributions to art.




Among the monuments seen as notable exceptions in existence today are the Gadaladeniya temple, the Embekke devale and especially the Lankathilaka Vihare which distinguish themselves. Of these, the Lankathilaka Vihare stands supreme in its majesty of structure and design.




In front of the main entrance of the temple stands the preaching hall thatched with flat roof tiles, as opposed to the ordinary half round tiles, used to cover the central part of the roof and to create beautiful patterns.




The main Vihare has been built using granite with a plaster covering, has three storeys built on natural rock. Elegant architectural design and wall paintings rich in colours of the Kandyan period, adorn the inside walls and the ceiling of the main image house.


The two large lion paintings and two figures of guards facing each other decorate the two walls of the short corridor to the image house. Inside the image house is a magnificent glory – a twelve-foot high Buddha image under a beautiful Makara Thorana .The image house is enriched with five devales devoted to four deities with separate entrances



พวกเราเดินผ่านที่เขากำลังซ่อมแซมหลังคาวัด ผ่านไปชมภาพวาดภายในวัดอันสวยงามภายใน ซึ่งมีพระพุทธรูปตั้งอยู่ แม่บุญเดินเข้าไปกราบแล้วก็เดินออกมาเงียบๆ ปล่อยให้เพื่อนๆ ได้ชมและถ่ายภาพกัน





 photo cats 23_zpsarcyeyus.jpg






 photo cats 25_zpspgrm6l23.jpg





 photo cats 21_zpsjhkheeyb.jpg






 photo cats 29_zpspwyq08pc.jpg






 photo cats 24_zpshbt31dgc.jpg





จากนั้นก็เดินออกมาชมภายนอกบริเวณวัด แดดมันร้อนจนเดินดูอะไรก็ไม่สนุก เลยเดินตรงออกไปจากวัด ที่หน้าวัดมีร้านขายไม้แกะสลักมากมาย คนแกะเป็นชายวัยกลางคนเขาดุแลร้านไปด้วยแกะไปด้วยขายด้วย ยังมีเพื่อนๆ อีกสองคนที่แกะอยู่ที่บ้านเล็กๆ ตรงกันข้ามกับร้าน เพื่อนสาวสามคนพากันเดินชมรอบๆ และซื้อของฝากติดไม้ติดมือ เพราะราคาที่ขายกับฝีมือนั้นนับว่าราคาถูกทีเดียว




 photo cats 26_zps79j4yi1x.jpg






 photo cats 27_zpsxsuegpcx.jpg





แม่บุญเดินหลีกออกไปอีกร้านที่ขายของเบ็ดเตล็ด เพาะมิเชลแอบมากระซิบว่ามีของที่แม่บุญชอบและอยากได้แกจัดการซื้อเรียบร้อยแล้ว ได้ยินเท่านั้นแหละแม่บุญรีบจ้ำอ้าวไปดูหน่อยว่ามันคืออะไร เมื่อไปเห็นตาก็ลุกวาว เพราะเครื่องมือที่เห็นนั้นใช้ทำขนมโดยมีแบบกลมๆ สามแบบให้เปลี่ยน แล้วแต่จะอยากให้แป้งที่ใส่ลงไปมีรูปร่างออกมาอย่างไร ? คล้ายๆ ที่ทำสลิ่ม แถมทำด้วยทองเหลือง ไม่ใช่อลูมิเนียมแบบที่ชามูร์ไปซื้อมาให้ เดาเอาว่ามิเชลคงซื้อเครื่องอันใหญ่ แม่บุญเลยรีบบอกคนขายให้ห่อเครื่องมืออันเล็กลงมาหน่อยให้อีก เผื่อว่าสักวันเครื่องใหญ่เสียจะได้มีสำรองไว้อีกอัน ทำไงได้ ไม่ใช่จะหากันได้ง่ายๆ แถมต้องเดินทางข้ามประเทศมาถึงจะเจอ ถ้ามีขายหน้าปากซอยคงไม่ซื้อเก็บไว้แน่ๆ





 photo cats 28_zpseshkyykz.jpg






แม่บุญเห็นมะพร้าวสีส้มไม่เหมือนบ้านเรา เลยอยากจะลองวาจะหวานหอมรสชาติกลมกล่อมไหม? เด็กหนุ่มคนขายจัดการเฉาะมะพร้าวให้ แล้วก็ยื่นหลอดดูดให้ จัดการดูดน้ำจากมะพร้าวในมือ ไม่ยักหวานออกจะเปรี้ยวนิดๆ ไม่หอมด้วย จากนั้นก็ยื่นมะพร้าวให้เด็กหนุ่มที่ยืนรอเหมือนรู้งานเป็นอย่างดี เขาเฉาะมะพร้าวให้พร้อมกับปาดตรงหัวให้มาเฉาะเนื้อมะพร้าวเอง เนื้อมะพร้าวเป็นตุ่มขรุขระเนื้อไม่เรียบเนียนเหมือนของไทยอีกแหละ พอกินเข้าไปมันแหยะๆ ไม่อร่อยเลยต้องเลิกกิน ฟันลงเลยว่ามะพร้าวน้ำหอมบ้านเราอร่อยเลิศที่สุดในปฐพี หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว อย..รับรอง




 photo cats 14_zpshgcskova.jpg





จากนั้นชามูร์ก็พากลับมาทางเดิม มาแวะชมความงามของวัดไม้แกะสลัก

Embekke dewalaya (Temple)





 photo cats 11_zpsvtjfjrno.jpg






is well known around the world for its amazing woodcarvings, Embekke is located close to kandy and about 9km from Kandy. Embekke was built during the Gampola period of King Wickrema Bahu II ( 1371 AD). The woodcarvings can be visible on almost all the wooden surfaces of the Dewalaya, the doors, beams, rafters etc… these carvings include , Hansa Puttuwa (entwined swans) double headed eagles, and entwined rope designs, mother breast-feeding child, soldier fighting on horseback, female dancing figures, wrestlers, women emanating from a vein, bird with human figure, combination of elephant-bull and combination of elephant-lion.







 photo cats 6_zps7mfqtama.jpg





รถมาจอดทางเข้าวัด ซึ่งมีเจ้าหน้าที่คอยขายบัตรเข้าชม พร้อมกับบอกให้ถอดรองเท้า ที่วัดนี้มิเชลยอมเข้าไปชมเพราะไม่ต้องเดินไกลมาก ถัดจากศาลาที่เจ้าหน้าที่ประจำการอยู่ เราก็จะเห็นต้นโพธิ์ต้นใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลางก่อนที่จะถึงศาลาไม้หลังเตี้ย ไม่สูงมากนัก เสาไม้แกะสลักงดงามเป็นบางส่วนไม่ใช่ทั้งต้น มองตรงไปทางเข้าเห็นรูปปั้นสิงโตสองตัวยืนเฝ้าทางเข้า เดินผ่านประตูเข้าไปภายในจะเห็นผ้าผืนใหญ่ที่วาดลวดลายเป็นภาพผู้หญิงหรือ ชาย มีหลายมือ แม่บุญเรียกชื่อไม่ถูก ส่วนศาลาด้านข้างก็ไม่มีอะไรพิเศษ





 photo cats 7_zpsdsqxzz2u.jpg







 photo cats 13_zpsaokd2ltc.jpg





เมื่ออ่านจากหนังสือ มีความรู้สึกว่ามันยิ่งใหญ่ อลังการสมควรที่จะไปดูสักครั้งในชีวิต แต่ขอบอกตามตรงว่า ค่อนข้างจะผิดหวังเพราะลวดลายแกะสลักนั้นไม่ได้สลักเสาทั้งต้นอย่างที่บอก เสาค้ำบนหัวก็เป็นเพียงการเอาไม้มาวางเป็นคานไว้เท่านั้นเอง หากเทียบกับการแกะสลักหิน หรือ การแกะสลักไม้ของชาวอินเดียแล้ว ฝีมือห่างกันราวฟ้ากับดิน คงเป็นการพยายามโฆษณาให้ผู้คนมาเยือนเป็นการกระจายรายได้ให้กับชุมชนเพื่อให้มีรายได้บ้างกระมัง






 photo cats 5_zpsf2hqqysy.jpg






 photo cats 9_zps2dtrsfy7.jpg






แปลกที่แม้จะขึ้นชื่อว่ามีฝีมือแกะสลัก แต่ชาวบ้านรายรอบกลับขายผลไม้ที่ปลุกกันไม่กี่อย่าง เอามาขายตรงทางเดินเข้าออกพอให้มีรายได้เท่านั้นเอง หมู่บ้านเล็กๆ ที่อินเดียเขาตั้งหน้าตั้งตานั่งแกะสลักกันทั้งวัน บางหมู่บ้านใช้ขนช้าง ขนม้าเล็กๆ นั่งระบายภาพอย่างวิจิตรตระการตา แต่ชนชาวศรีลังกาอาจจะขาดผู้นำชุมชน หรือขาดครูบาอาจารย์ที่จะมาสอน แต่อีกนั่นแหละ แล้วร้านขายไม้แกะสลักที่พวกเราพึ่งผ่านมาก็มีคนทำเพียงสองสามคนเท่านั้นเอง แล้วอะไรคือสาเหตุให้พวกเขายังคงยากจน...หรือ...ความขี้เกียจ ?? เดินผ่านไปแม่บุญคิดไปด้วยอย่างนี้แหละ





 photo cats 8_zpsywzlenvn.jpg







 photo cats 10_zps5j3u7wdd.jpg






 photo cats 12_zpsiojufpn7.jpg






จากนั้นเราก็พากันขึ้นรถเพื่อเดินทางต่อไปยังโรงแรมอีกแห่งเพื่อที่จะขึ้นไปชม Adam’s peak ในตอนเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะต้องออกเดินทางตั้งแต่ตีสอง เพื่อให้ขึ้นไปถึงยอดเพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น โรงแรมที่เราจะนอนคืนนี้จึงตั้งแต่ริมเขา ต้นทางก่อนที่จะไปถึงที่นั่น ...รอไปชมกันพรุ่งนี้ค่ะ





ปล. อาหารเย็นเป็นบุฟเฟ่ค่ะ ...เหมือนเดิม ไก่ทอดจนแข็ง อิ อิ






Create Date :20 พฤษภาคม 2560 Last Update :25 กรกฎาคม 2560 23:38:20 น. Counter : 2608 Pageviews. Comments :26